ที่ห้องสมุดโรงเรียนมัธยมต้น ผมกำลังรอให้พี่ชูยะค้นข้อมูลเสร็จ

ไม่ใช่ว่าเพราะเราอยู่บ้านเดียวกันเลยกลับด้วยกัน หรือกลับจากโรงเรียนพร้อมพวกพี่ชายเป็นประจำ

พวกเรามักแวะระหว่างทางกลับบ้านกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนของแต่ละคน หรือไม่ก็กลับบ้านแบบตัวใครตัวมันเสียมากกว่า แต่วันนี้พี่นัตสึโอะวานให้ผมแวะซื้อของตอนขากลับจากโรงเรียน แต่เพราะผมถือของหนักและเทอะทะอย่างนมและโชยุได้ไม่หมด จะถือทั้งหมดกลับบ้านคนเดียวก็แย่ เราจึงนัดกันว่าจะมาเจอกันและแวะซูเปอร์ด้วยกัน แต่พี่ชูยะบอกว่ามีการบ้านที่อยากหาข้อมูลผมจึงตัดสินใจตามมาด้วย

อาจเพราะเกิดในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นฤดูของการอ่าน พี่ชูยะจึงชอบหนังสือ แม้ในเวลาที่ไม่มีเรื่องต้องหาข้อมูลก็มักเข้าออกห้องสมุดอยู่เป็นประจำ แต่ผมไม่ใช่ขาประจำห้องสมุดขนาดพี่ชูยะ จึงไม่รู้เลยว่าชั้นไหนมีอะไรอยู่บ้าง

ผมเจอชั้นหนังสือการ์ตูนอยู่ใกล้ๆ เคาเตอร์ยืมคืน จึงหยิบมาส่งๆ สองเล่มและกลับไปที่โต๊ะของพี่ชูยะ

โต๊ะนั้นเป็นตัวแรกซึ่งอยู่ใกล้กับเคาเตอร์ยืมคืนติดทางเข้าออกที่สุด ผมดึงเก้าอี้ตัวด้านข้างพี่ชายซึ่งนั่งหันหลังให้กับเคาเตอร์และนั่งลง

ในห้องสมุดเวลาหลังเลิกเรียนนั้นแทบไม่มีคน

นอกจากนักเรียนที่เป็นเจ้าหน้าที่ห้องสมุดแล้ว มีเพียงผมกับพี่ชูยะเท่านั้น

ผมอ่านการ์ตูนที่แปะปกไวนิลอยู่ข้างๆ พี่ชูยะผู้กำลังก้มหน้าก้มตาจดบันทึกเนื้อหาจากกองหนังสือโดยไม่เงยหน้า

เงียบ ได้ยินเพียงเสียงพลิกหน้าหนังสือและเสียงดินสอกดเท่านั้น

ผมอ่านเล่มแรกจบและเงยหน้าขึ้นแบบไม่คิดอะไรก็รู้สึกตัว

ทั้งที่คิดว่ามีแค่พวกเรา แต่ที่โต๊ะอื่นกลับมีนักเรียนหญิงซึ่งไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่นั่งอยู่

อยู่ตรงโต๊ะด้านในสุดของโต๊ะที่เรียงกันสี่ตัวในแนวตั้งทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า

เธอนั่งอยู่คนเดียวที่เก้าอี้ของโต๊ะตัวที่สี่นับจากเคาเตอร์อยู่อีกฟากโดยมีโต๊ะไร้คนสองตัวคั่นกลางและหันหลังให้ทางนี้

จากตำแหน่งของผมแล้วจะมองเห็นแค่หลังเท่านั้น

เส้นผมสีดำยาวตรงสยายอยู่บนแผ่นหลัง

ถ้ากำลังอ่านหนังสืออยู่ล่ะก็น่าจะก้มต่ำหน่อย แต่ดูหลังของเธอยืดตรงเหมือนกำลังนั่งมองไปด้านหน้า

ผมสนใจว่ากำลังมองอะไรอยู่นะ แต่เก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่ด้านในสุดและด้านหน้านั่นคือกำแพง

“นี่ พี่ครับ”